Sansanee Itchayapong
วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
สรุปไวยากรณ์: Tenses-Present Time
Present Simple Tense
Subject + V.1 (-e,-es)
1. แสดงถึงเหตการณ์หรือการกระทำที่เป็นกิจวัตรประจำวันหรือประเพณีนิยม เช่น
- I get up at six o'clock every morning.
ฉันตื่นนอนเวลาหกโมงเช้าทุกวัน (กิจวัตรประจำวัน)
- She goes to bed early.
- Most Buddhist go to temple on Buddhist holidays.
2. ใช้แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำเสมอๆ ซึ่งมักมี กริยาวิเศษพวกณ์ (Adverb) เหล่านี้อยู่ด้วย คือ
always = เสมอๆ often = บ่อยๆ usually= โดยปกติ hardly (ever) = แทบจะไม่
sometime = บางครั้ง ever= เคย seldom = ไม่ค่อยจะ regularly = โดยปกติ
normally = โดยปกติ rarely = ไม่ค่อยจะ nowadays = ในปัจจุบันนี้ on weekdays= ในวันทำงาน
twice a month= เดือนละ 2 ครั้ง never= ไม่เคย generally= โดยทั่วไป every day = ทุกๆวัน
frequently = เสมอ,บ่อยๆ every week= ทุกๆสัปดาห์
ตัวอย่างเช่น
- I come here every day.
ฉันมาที่นี่ทุกๆวัน
- She always goes to school very early.
- หล่อนมักจะไปโรงเรียนตอนเช้าตรู่เสมอ
- We often have lunch at the office.
3.ใช้แสดงเหตุการณ์ที่เป็นจริงเสมอ เช่น
- The earth moves around the sun.
- The moon moves around the earth.
- The sun rises in the east and sets in the west.
- The world is round.
4.ใช้เพื่อเกริ่นนำคำกล่าว (quotation) เช่น
- The newspaper says...
- The article describes...
- History teaches us...
5. ใช้กับสุภาษิตคำพังเพย เช่น
- Action speak louder than words.
- The river has no return.
6. ใช้กับการกระทำของกริยาที่แสดงการรับรู้ ความรู้สึกนึกคิด ความเป็นเจ้าของ ได้แก่
adore=บูชา appear= ปรากฏ believe= เชื่อ belong= เป็นเจ้าของ
feel= รู้สึก hate= เกลียด hear= ได้ยิน hope= หวัง
like= ชอบ look= เหมือน love= รัก know= รู้
remember=จำได้ see=เห็น seem= ดูเหมือน smell= ได้กลิ่น
taste= ลิ้มรส think= คิด understand= เข้าใจ want = ต้องการ
ตัวอย่าง เช่น
- I love her very much.
- She remembers you very well.
7. ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นจริงขณะที่พูด หรือความสามารถที่ทำได้ในขณะนั้น เช่น
- Ann is my close friend.
- She has four pencil in her hand.
________________________________________________________________________
Present Continuous Tense
Subject+ is,am, are+ V1+ing
Present continuous Tense ใช้แสดงเหตุการณ์ดังต่อไปนี้
1. ใช้แสดงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะที่พูด โดยส่วนมากจะมีคำกริยาวิเศษณ์บอกเวลา (Adverb of time) ได้แก่
at the present time= ในปัจจุบันนี้ at the moment= ในขณะนี้
at this moment= ในขณะนี้ now= เดี๋ยวนี้
right now = ขณะนี้ this morning = เช้านี้
ตัวอย่างเช่น
- She is playing tennis now.
- I am studying English this morning.
2. ใช้กับอนาคตอันใกล้ ซึ่งเกิดขึ้นแน่ๆ มักมีคำกริยาวิเศษณ์บอกเวลาในอนาคตอยู่ด้วยได้แก่
soon = ในไม่ช้า tonight = คืนนี้
in the few minute= ในเวลาอีก 2-3 นาที next week = สัปดาห์หน้า
เช่น
- We are writing a letter next Sunday.
- He is singing a song this time next week.
- It is raining soon.
3. ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังกระทำหรือดำเนินอยู่ในระยะเวลาอันยาวนาน แต่ อาจจะไม่ได้กำลังกระทำอยู่ในขณะที่พูด มักจะมีคำเหล่านี้อยู่ในประโยค ได้แก่
this week = สัปดาห์นี้ this month = เดือนนี้
this year = ปีนี้ this term = เทอมนี้
เช่น
- He is working hard this week.
- She is working in Bangkok this year.
หมายเหตุ1
คำกริยาที่ไม่นิยมนำมาแต่งประโยค Continuous Tense แต่นิยมใช้ใน Present Simple ได้แก่
1. กริยาแสดงการรับรู้ (Verb of perception) ทางประสาทสัมผัส ได้แก่
see = เห็น hear = ได้ยิน smell= ได้กลิ่น
notice= สังเกต taste= ชิม recognize= จำได้
2. กริยาที่แสดงความรู้สึกด้านอารมณ์ (Verb of emotion) ได้แก่
feel = รู้สึก want= ต้องการ wish= ปรารถนา
desire= ต้องการ like= ชอบ love= รัก
hate= เกลียด hope= หวัง refuse= ปฏิเสธ
3. กริยาแสดงความนึกคิด (Verb of thinking) ได้แก่
think= คิด agree= เห็นด้วย trust= เชื่อ
understand = เข้าใจ imagine= คิด believe = เชื่อ
know= รู้ forget= ลืม remember= จำ
4. กริยาแสดงถึงการปรากฎขึ้น (Verb of appearance) ได้แก่
appear = ปรากฏ look= ดูเหมือน seem= ดูเหมือน
5. กริยาแสดงถึงความเป็นเจ้าของ (Having or possessing) ได้แก่
own= เป็นเจ้าของ belong to = เป็นของ contain= มี,บรรจุ
possess= มี consist of = ประกอบด้วย
หมายเหตุ2
ใน Continuous Tense จะต้องเติม-ing หลังคำกริยา วิธีเติม -ing มีดังต่อไปนี้
1. กริยาโดยทั่วไป สามารถเติม-ing ได้ทันที เช่น
- go - going ไป
- speak - speaking พูด
- drink - drinking ดื่ม
- do - doing ทำ
- read - reading อ่าน
- take - taking นำไป
- come - coming มา
- close - closing ปิด
- wave - waving โบก
- write - writing เขียน
1. ถ้าหน้า -e เป็นสระสามารถเติม -ing ได้ทันที เช่น
- see - seeing เห็น
- agree - agreeing ตกลง
- free - freeing เป็นอิสระ
- lie - lying โกหก
- die - dying ตาย
- get - getting ได้รับ
- begin - beginning เริ่มต้น
- swim - swimming ว่ายน้ำ
- draw - drawing วาด
- buy - buying ซื้อ
________________________________________________________________________
Present Perfect Tense
Subject+ has,have+ V3
Present Perfect Tense ใช้แสดงถึงเหตการณ์ดังนี้
1.ใช้กับเหตุการณ์ที่่เกิดขึ้นแล้วในอดีตและเสร็จสิ้นไปแล้ว แต่ผลกระทำยังคงอยู่ เช่น
- I have already closed the door.
- She has gone out.
2. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต แต่เหตการณ์นั้นยังดำเนินมาถึงปัจจุบัน ซึ่งมักจะมีกริยาวิเศษณ์ เหล่านี้อยู่ในประโยค ได้แก่
since= ตั้งแต่ for=เป็นเวลา up to now = จนกระทั่งบัดนี้
เช่น
- I have lived in Bangkok since I was born.
- He has lived in Bangkok for 15 years.
ข้อสังเกตเกี่ยวกับการใช้ since และ for
Since แปลว่าตั้งแต่่ ใช้กับจุดเริ่มต้นของเหตการณ์ในอดีตมาจนถึงปัจจุบัน
For แปลว่า เป็นเวลา ใช้กับช่วงระยะเวลาที่เหตุการณ์ดำเนินอยู่จากอดีตจนถึงปัจจุบัน
3. ใช้กับเหตการณ์ที่เพิ่งจะเสร็จสิ้นก่อนเวลาที่พูดนั้นเล็กน้อย โดยมักจะมีคำกริยาวิเศษณ์เหล่านี้อยู่ด้วย ได้แก่
just= เพิ่งจะ already= เรียบร้อยแล้ว
yet= ยัง finally= ในที่สุด
eventually= ในที่สุด recently= เมื่อเร็วๆนี้
เช่น
- The bus has just arrived.
- I have already written this letter.
- She has not finished her work yet.
ข้อสังเกตเกี่ยวกับการใช้ just, already, yet
Just, already ในประโยคบอกเล่า มักวางไว้ระหว่าง verb to have และคำกริยาหลัก
Yet ในประโยคปฏิเสธ มักวางไว้หลังประโยค
4.ใช้กับเหตุการณ์ที่เคยหรือไม่เคยทำในอดีต มักจะมีคำว่า ever, never, once,twice เป็นต้น เช่น
- Have you ever been to Phuket?
- I have never been to Chiang Rai.
คยไปเชียงราย
________________________________________________________________________
Present Perfect Continuous Tense
Present Perfect Continuous Tense ใช้แสดงเหตุการณ์ ดังนี้
ใช้แสดงเหตุการณ์ที่กระทำต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และก็จะทำต่อไปในอนาคต มักจะมีคำกริยาวิเศษณ์ since, for อยู่ด้วย คือ
for three minutes = 3 นาที
for two weeks = สองสัปดาห์
since Sunday = จนกระทั่งวันอาทิตย์
เช่น
- I have been studying here for two years
- She has been sleeping since this morning
หมายเหตุ
Present Perfect Continuous Tense ไม่ค่อยนิยมใช้กันมากนัก มักจะนิยมใช้ Present Perfect Tense มากกว่า และคำกริยาที่นำมาใช้ มักจะเป็นคำกริยาที่สามารถกระทำต่อเนื่องได้เป็นเวลานานๆ ได้แก่ learn (เรียน), work(ทำงาน), sleep(หลับ), stay(อยู่), read(อ่าน), play (เล่น) เป็นต้น
ข้อสังเกต
ความแตกต่างระหว่าง Present Perfect Tense กับ Present Perfect Continuous Tense คือ
- Present Perfect Tense เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและต่อเนื่องจนปัจจุบัน และไม่ทราบว่าเหตุการณ์จะดำเนินต่อไปหรือไม่
- Present Perfect Continuous Tense เป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องจากอดีตจนถึงปัจจุบันและจะต่อเนื่อไปในอนาคต
_________________________________________________________________________________
วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2555
Web 2.0
เว็บ 2.0 (Web 2.0)
มีความเชื่อมโยงกับโปรแกรมประยุกต์บนเว็บซึ่งมีลักษณะส่งเสริมให้เกิดการแบ่งปันข้อมูล
การพัฒนาในด้านแนวความคิดการออกแบบที่เน้นผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง user-centered designและ การร่วมสร้างข้อมูลในโลกของอินเทอร์เน็ตเวิลด์ไวด์เว็บ เว็บไซต์ที่ออกแบบโดยใช้หลักการของเว็บ
2.0 ทำให้กลุ่มผู้ใช้งานสามารถปฏิสัมพันธ์และร่วมมือกันในลักษณะของสื่อสังคมออนไลน์
โดยกลุ่มผู้ใช้งานเป็นผู้สร้างเนื้อหาขึ้นเอง ต่างจาก เว็บ 1.0 ที่กลุ่มผู้ใช้ถูกจำกัดบทบาทโดยทำได้แค่เพียงการเยี่ยมชม
หรือดูเนื้อหาที่ผู้ใช้สนใจ สำหรับตัวอย่างของเว็บ 2.0 ได้แก่ บล็อกเครือข่ายสังคมออนไลน์ สารานุกรมเสรีวิดิโอแชริง โปรแกรมประยุกต์บนเว็บ แมชอัพส์ โฟล์คโซโน
คำว่า
"เว็บ 2.0"
เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง หลังจากงานประชุม โอไรน์ลีย์มีเดียเว็บ 2.0 ที่จัดขึ้นในปี 2547 คำว่า "เว็บ 2.0" นั้นเป็นคำกล่าวเรียกลักษณะของเวิลด์ไวด์เว็บในปัจจุบัน
ตามลักษณะของผู้ใช้งาน โปรแกรมเมอร์และผู้ให้บริการ ซึ่งตัวเว็บ 2.0 เองนั้นไม่ได้กล่าวถึงการพัฒนาทางด้านเทคนิคแต่อย่างใด
แต่เป็นคำที่กล่าวถึงลักษณะโดยรวมที่ผู้พัฒนาเว็บเปลี่ยนแปลงวิธีการออกแบบเว็บไซต์
และผู้ใช้ปลายทางเปลี่ยนแปลงบทบาทการใช้งานเว็บ ทิม เบอร์เนิร์สลี ผู้เริ่มแนวความคิด
และสร้างเวิลด์ไวด์เว็บ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ลักษณะทางเทคนิคของเว็บ 2.0 นั้นเกิดขึ้นมานานกว่าคำว่า "เว็บ 2.0" จะถูกนำมาเรียกใช้
วิสัยทัศน์เริ่มแรกของเบอร์เนิร์ส ลี คือการสร้างสื่อที่เอื้อต่อการร่วมสรรค์สร้างของผู้ใช้งาน
เป็นสื่อกลางที่ผู้ใช้งานไม่เพียงแต่รับ แต่สามารถร่วมแบ่งปันข้อมูลข่าวสารด้วย
Web 2.0 is the move toward a more social, collaborative, interactive and responsive web. It is a change in the philosophy of web companies and web developers, but more than that, Web 2.0 is a change in the philosophy of society as a whole.
Web 2.0 marks a change in us as a society as well as the Internet as a technology. In the early days of the web, we used it as a tool. Today, we aren't just using the Internet as a tool -- we are becoming a part of it.
ที่มา http://webtrends.about.com
th.wikipedia.org/wiki/เว็บ_2.0
Introduce my self
Hello! everyone.My name is Sansanee Itchayapong.You can call me Jib.I've seen the world 21 years ago.I was born in Pichit province. I'm only one.I'm friendly.When I have a free time I alway read books and listen to the music.The kind of music that I like are K-pop,Thai-pop,etc. Sometime I listen the internationnal music.Now, I' m studying the major of English Education.I want to be a good English teacher in the near future. I will make parents proud.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)